Tuesday, June 27, 2017

June 27, 2017

50 สุดสุข "ฉันสนุกยิ่งกว่าตอน 20"


ใครกันบอกว่าอายุ 50 คือจุดจบของความสนุก ลองถามผู้หญิงมีความสุขที่กำลังย่างเข้าเลข 5 ก่อนไหม งานวิจัยบอกว่า 92% ของพวกเธอ “มีความสุขกว่าสมัยสาวๆ เสียอีก”

แปลกแต่จริง แต่ก็มีเหตุผล ที่หลายคนรู้สึกว่า “ปลดปล่อย” เมื่ออายุเลข 5 เหตุเพราะว่าความเครียดที่ถาโถมเข้ามาตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงานและสร้างครอบครัว จะเริ่มค่อยๆ ถูกปลดออกไปจากตัวไปเมื่ออายุ 50

ภาระหนักหน่วงบนสองบ่าที่เริ่มสลัดออกได้ ทำให้วัยนี้อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบที่เคยฝันถึง บางคนถือเป็นโอกาสที่จะได้ยูเทิร์นไปทำเรื่องที่พลาดไปในอดีต และอีกหลายคนเข้าใจชีวิตเสียจนรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่

Mirror.co.uk  คุยกับผู้หญิงหลายคนในวันที่พวกเธอก้าวผ่านเลข และพวกเธอช่วยกันเล่าอย่างมีความสุขว่า เหตุใด "รุ่นใหญ่" เหล่านี้จึงรู้สึกว่า ชีวิตพวกเธอเริ่มต้นเมื่อ 50


แอนน์ เรสัน วัย 59  : ฉันออกสังคมจัดกว่าสมัยสาวๆ อีก

ตอนที่ฉันอายุยี่สิบต้นๆ เพื่อนๆ พากันไปเที่ยวเล่นเต้นรำสนุกสนาน แต่ฉันยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกเล็กๆ สองคน ทำให้กลายเป็นคนงงๆ ออกสังคมไม่เก่ง รู้สึกตัวเองดูเป็นแม้เป็นแม่

พอลูกๆ โตแล้ว ฉันเลยอยากจะหวนกลับไปหาชีวิตที่ฉันทำหล่นหายตอนสาวๆ อีกครั้ง ปัญหาคือไปร่วมกิจกรรมกลุ่มอะไรก็มีแต่คนอายุน้อยกว่าเยอะทั้งนั้น เขินจนต้องหนีกลับบ้านเลยทีเดียว

สามีเก่าตอนนั้นของฉันเคยเป็นดีเจ ฉันเลยชวนให้เขาเปิดดิสโก้ เจาะกลุ่มคนที่ไม่เคยมีชีวิตสนุกสนานสมัยวัยรุ่นแบบฉันไปเลย แบบว่าให้ลูกค้ามีแต่พวก 40 ขึ้นไป  คุณเชื่อไหมเปิดคืนแรกคนต่อคิวรอเข้ายาวไปโน่น อันนี้บอกชัดเลยนะว่า ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ในอายุที่ผู้หญิงหลายคนรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน ฉันกลับรู้สึกตรงกันข้าม รู้ไหมตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองสังคมจัดกว่าตอนอายุ 20 เยอะเลย


ลิซ ไพร์ด วัย 51  :   “ผู้ชายเด็กกว่าทำให้ฉันรู้สึกดี๊ดี”

ตอนฉันอายุ 30 กว่าๆ ฉันแต่งงานกับผู้ชายวัยเดียวกันและหย่าขาดกันในห้าปี  ออกเดทสองสามครั้งแต่ไม่เคยเจอใครโดนๆ ผู้ชายที่ฉันเจอแก่กว่าและน่าเบื่อมาก

ฉันไม่เคยเจอใครที่สปาร์คเลย จนอายุ 50 ถึงไปปิ๊งกับหนุ่มที่อายุน้อยกว่า มันเป็นอะไรที่ฉันต้องการเลย ความสัมพันธ์นี้เปลี่ยนชีวิตฉันแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

ปุ๊บปั๊บฉันกลายเป็นคนที่แต่งตัวดีขึ้น ดูแลตัวเองดีขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น เขาทำให้ฉันรู้สึกดีกับตัวเองอย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน

แม้ว่ามันจะจบไปแล้ว แต่ตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันขอบคุณเขาตลอดที่ทำให้ฉันได้เริ่มต้นอีกครึ่งของชีวิตใหม่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ฉันเคยอยากเป็น

ตอนนี้มีผู้ชายมาสนใจฉันมากกว่าที่แล้วมา ส่วนใหญ่เด็กกว่าทั้งนั้น ตอนอายุ 20 ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ ตอนนี้รู้สึกว่าเพิ่งเริ่มโตเป็นสาว  อายุ 51 ของฉันคือ “นิว 21” ค่ะพูดเลย!


เบฟ แบรมเมอร์ วัย 53 :  ความกลัวป่วยทำให้ฉันกลายเป็นสาวทรงเสน่ห์

ฉันเคยอ้วนมาตลอดชีวิตและไม่เคยกลัวเลย เรียกว่าอ้วนจนชิน จนถึงอายุ 44  น้ำหนักที่แบกมาตลอดชีวิตทำเอาสะโพกฉันมีปัญหาจนต้องผ่าตัด ฉันเลยฉุกคิดว่าถ้าอยากมีชีวิตรอด ฉันต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้วล่ะ

ฉันเริ่มออกกำลังกายเมื่ออายุ 48 เข้าไปแล้ว จ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาช่วยกันเลยทีเดียว น้ำหนักฉันเริ่มลดลงเรื่อยๆ ทำให้ฉันรู้สึกดีสุดๆ  ฉันเริ่มดูแลอาหารการกินตัวเองอย่างดี  จนตอนหลังเชี่ยวชาญ ผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจโภชนากรส่วนตัว  แนะนำวิธีการกินอาหารที่ถูกต้องให้คนที่อยากลดน้ำหนัก

ฉันรู้สึกเหมือนให้โอกาสชีวิตตัวเองครั้งใหญ่ ที่ผ่านมาฉันนอนขี้เกียจตัวเป็นขน แล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมากลายเป็นคนแอคทีฟ  ปีนเขา ขึ้นกำแพงเมืองจีน สมัครวิ่งมาราธอน ทำอะไรหลายต่อหลายอย่างที่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าตัวเองจะทำได้

ฉันพูดเลยนะว่าฉันคือตัวอย่างที่เจ๋งมาก หากคุณอยากพิสูจน์ว่า “อายุ 50 ชีวิตยังไม่จบ”  

และขอบอกว่าสำหรับฉัน นี่มันเพิ่งเริ่มเท่านั้นด้วย!


ซู วัคคา วัย 59 : Being single for the first time ­ is fabulous

ตอนอายุ 23 ฉันแต่งงาน ฉันรู้ว่ามันเร็วไปหลังจากนั้น 15 ปีอีตอนที่เลิกกันนี่ล่ะค่ะ รู้สึกโล่งอกที่ได้ชีวิตโสดกลับมา แต่ก็หวิวๆ เพราะว่าฉันไม่เคยเป็นโสดมานานมาก ฉันแต่งงานใหม่ตอนอายุ 40 และย้ายไปอยู่อเมริกาตามสามี

แรกๆ ชีวิตแต่งงานมีความสุขดี แต่ไม่กี่ปีก็เริ่มระหองระแหง  สามีมีอารมณ์แปรปรวนมาก ซึ่งเราไม่รู้สาเหตุจนหมอตรวจวินิจฉัยเจอว่า เป็นอาการเครียดผิดปกติหลังเจอมรสุมชีวิตหนักๆ เป็นผลมาจากการไปรบที่เวียดนามและเกาหลี

พออายุ 52 แม่ประสบอุบัติเหตุทำให้ฉันต้องบินกลับอังกฤษ ทำให้ฉันรู้ตัวว่าไม่อยากกลับไปมีชีวิตคู่อีก ฉันแต่งงานตอนอายุน้อยมาก และโดดเข้าไปหาชีวิตคู่ใหม่เร็วไป ฉันแทบไม่เคยรู้สึกเป็นตัวของตัวเองจริงๆ เลย

เราหย่ากัน และฉันเป็นโสดหลังจากนั้นต่อมานานถึง 7 ปีจนถึงวันนี้ ตอนนี้เขาอาการดีขึ้น แม่ฉันอาการดีขึ้น และฉันเองในฐานะหญิงโสด มีความสุขมากขึ้น

ฉันยังคงเดทแต่ไม่อยากกลับไปหาความเครียดในชีวิตคู่อีกแล้ว ในเมื่อฉันสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีมัน



Source : http://www.mirror.co.uk/

Wednesday, June 21, 2017

June 21, 2017

GraySpiration! ปล่อยผมขาวสิเท่ เทรนด์ใหม่สุดเก๋ของผู้หญิงมั่น


นอร่า เอฟรอน ผู้กำกับหนังรอมคอมระดับตำนานอย่าง "You've Got  Mail" กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่ผู้หญิงวัยเลขสี่ เลขห้า เลขหก ยุคนี้ ดูผิดจากสมัยพ่อแม่เรา ไม่เกี่ยวกับเรื่องเฟมินิสต์ ไม่เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม การดูแลตัวเองหรือการออกกำลังกายอะไรทั้งนั้น ที่มันดูต่างกันเพราะผู้หญิงสมัยใหม่ย้อมผมนี่ล่ะ"  

ในยุคที่อย่าว่าแต่การปล่อยผมให้หงอกตามวัย แม้แต่ปล่อยผมไม่หงอกให้คงสีเดิมไว้ยังหายากแสนยาก คงดูเป็นเรื่องที่สร้างความตะลึงใจในความแปลกประหลาด จนหากเราจะเดินออกจากบ้านด้วยผมหงอกขาว คงต้องมีสักคนสะกิดเราแล้วแนะให้รีบไปย้อมผมด่วน

แต่มาถึงชั่วโมงนี่ เริ่มมีสาววัยเลขสี่เลขห้า ที่ไม่แยแสความ “ป้า” และกล้าที่จะลุกขึ้นมาปล่อยผมของเธอให้เป็นสีเทา

พวกเธอดูเก๋ ดูเด่น ดูต่าง และดูมั่น จนเชื่อว่าวันหนึ่งไม่น่าจะอีกนาน เทรนด์ปล่อยสีผมเกรย์อาจจะเป็นเทรนด์สุดเท่ของผู้หญิงขึ้นมา

มาฟังกันไหมว่าพวกเธอ "Go Grey" กันด้วยเหตุผลอะไร



โจอานิ จอห์นสัน :  ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้แก่

ในแฟนเพจของ Allured ที่เผยแพร่วิดีโอ "How This 64-Year-Old Woman Learned to Love Her Gray Hair"  มีสาวน้อยสาวใหญ่มาคอมเมนต์และลงรูปตัวเอง Go Grey มากมายจนน่าทึ่ง ไม่ได้ทึ่งแค่ที่พวกเธอกล้า แต่ทึ่งตรงที่ว่ามันดูเท่!

โจอานิ จอห์นสัน วัย 64 บอกกับ Allured.com  ว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราควรจะกลัวผมหงอก นอกจากมาตรฐานเหลวไหลของสังคมที่สั่งสอนให้เรากลัว”

"วันหนึ่งเจ้านายฉันทักว่า เฮ้ยผมคุณหงอกแล้วนะ”  แน่ล่ะ เธอรู้สึกเหมือนพวกเราทุกคนที่จิตตกแทบก้มเก็บไม่ทัน "ฉันตกใจเลยสิ แล้วก็วุ่นวายรีบไปย้อมผมทันที”  

แต่เธอไม่ยอมทนรับกระบวนการ “ย้อม/หงอก/ย้อมทับ” เป็นกิจวัตรอย่างเราๆ แค่ปกปิดสีผมได้ไม่กี่ครั้งเธอก็บอกตัวเองว่าพอกันที 

เธอเลิกย้อมผมและพบว่ามันไม่ได้ทำลายเสน่ห์ของเธอตรงไหน "ฉันเจอผู้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เกลียดสาวผมบลอนด์ ตอนนี้เขาคือสามีของฉัน เราแต่งงานกันมา 20 ปีแล้วค่ะ”

จงเปิดรับอายุที่มากขึ้นและมีความสุขกับทุกวันที่ยังมีชีวิต “ทุกวันของฉันคือการอยู่กับสิ่งที่ฉันได้รับมาในแต่ละวันและทำมันให้ดีที่สุด  ฉันก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้อะไร คุณก็รู้คนบางคนไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้แก่ด้วยซ้ำ”




แอนน์ ครีมเมอร์ สีผมของฉันประกาศประสบการณ์ของฉัน

แอนน์ ครีมเมอร์ นักเขียนสาวอีกคนตัดสินใจเลิกปกปิดความจริงบนสีผมตั้งแต่ปี 2006 แรงผลักดันมาจากวันหนึ่งเธอไปเที่ยวนิวยอร์กกับลูกสาวและเพื่อนร่วมวัย 

อากิโกะปล่อยผมขาวตามธรรมชาติ ส่วนลูกสาวฉันผมสีน้ำตาลมาแต่เกิด มีแต่ฉันดันผมสีมะฮอกกานีแจ๋อยู่คนเดียว ฉันมองรูปนั้นแล้วได้สติ บอกตัวเองว่าพอเสียทีเถอะเรา”

แอนน์วัย 59 เล่าว่าเธอรู้สึกขวยใจที่ลูกสาวและเพื่อนสนิท ไม่เคยดิ้นรนปกปิดสีผมธรรมชาติของตัวเอง “ขณะที่ฉันกลับไม่เคยยอมรับสีผมตัวเองเลย ปกติฉันย้อมผมสีออเบิร์น ตอนอายุสี่สิบฉันย้อมผมสีเจ็ทแบล็ค พอเดินเข้ามาในบ้าน ลูกสาวฉันที่เพิ่งอายุ กับ ขวบถึงกับร้องไห้โฮ”

เมื่ออายุถึงสี่สิบปลาย แอนน์ก็ตัดสินใจเลิกย้อมผม สิ่งที่เธอเตรียมรับมืออันดับแรกคือคำวิจารณ์ ฉันไปงานปาร์ตี้ตอนที่โคนผมหงอกเริ่มโผล่ และกังวลไปสารพัดว่าจะมีคนคิดว่าฉันเสียสติ”  

ช่วงเวลา “ปล่อยความจริงปรากฏ” กินเวลาถึงปีครึ่ง กว่าผมทั้งศีรษะของเธอจะเป็นสีเงินเสมอกันหมดทั้งหมด

ฉันรู้สึกเหมือนเช็ดหน้าต่างที่เขรอะๆ จนใสสะอาด แล้วสามารถมองเห็นวิวชัดๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต”

กว่าจะเห็นวิวนี้ได้ แอนน์คำนวณว่าเธอจ่ายค่า “รับไม่ได้” ตลอด 25 ปีมาแล้ว 65,000 ดอลล่าร์!

แอนน์บอกว่าการเลิกย้อมผมคือการมาถึงจุดจบของความหมกมุ่น ความวิตกตลอดเวลาว่าผมขาวจะโผล่ขึ้นมาท่ามกลางสีผมที่ย้อมจนเข้ม

แน่ล่ะคนเยอะเลยที่ไม่เห็นดีงาม  เอาเป็นว่าส่วนใหญ่เลยแล้วกันที่ไม่โอเค ฉันมักเป็นผู้หญิงหัวขาวโด่เด่คนเดียวท่ามกลางผู้หญิงผมสีสารพัดในห้อง แต่ฉันมองว่ามันกลับแสดงถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้า และการยอมรับความจริงอย่าห้าวหาญ สีผมของฉันประกาศแทนตัวฉันว่า ฉันเป็นตัวฉันเองอย่างไม่มีข้อสงสัย ฉันมีประสบการณ์ช่ำชอง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ใครสนใจฉันอยากจ้างฉันก็เชิญเลย”

จริงที่ผมสีเงินยวงส่งให้แอนน์ดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คน ท่ามกลางสาวๆ ที่แลดูคล้ายกัน ใครๆ ก็จดจำเธอได้

“เลิกกลัวว่าจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนสวยในรูปแบบตามที่นักการตลาดเสกสรรให้คุณเป็น จงเป็นในสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ เถอะ”





โนเรีย โมราเลส : ฉันได้ทุกอย่างในชีวิตครบแล้วรวมทั้งผมขาว

แน่นอนไม่ใช่ทุกคนที่กล้าลุกขึ้นมา “ต่าง” อย่าง ผู้หญิงหลายคนไม่ได้ Go Grey เพราะอยากประกาศความจริง แต่เธอเลือกปล่อยความจริงให้เป็นไป เพราะทนไม่ไหวกับกระบวนการที่ทั้งเสียเงินและเสียเวลา

โนเรีย โมราเลส เริ่มมีเส้นผมสีเงินยวงมาเยือนตั้งแต่อายุ 32 หลังให้กำเนิดลูกคนแรก เธอบอกกับฮาเลย์ นาห์แมนใน ManRepeller.com  ว่า

"เอาตรงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากจะปล่อยให้มันขาวหรอก แต่แค่ฉันขี้เกียจยุ่งวุ่นวายกับการต้องย้อมผมตลอดเวลา  เวลาว่างฉันมีน้อยมากๆ  ถ้ามีฉันขอไปออกกำลังกายหรือไปนวดตัวยังจะดีกว่าไปเข้าร้านทำผม”

โนเรียจึงเลือกปล่อยให้ธรรมชาติจัดให้ แค่ 5 ปีผ่านไป ผมขาวก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
                                         
“ฉันชอบที่มันหงอก 30% แบบนี้ที่สุดแล้ว  ถ้าเลือกได้ก็ไม่ใช่ว่าฉันอยากให้มันหงอกทั้งหัวหรอก แต่มันก็ต้องเกิดใช่ไหมล่ะ”

"มันเหมือนเป็นจุดตัดสินใจว่าจะฉันอยู่กับมันต่อไปหรือจะไล่ไปให้พ้นสายตา แต่ยังไงในสิบปีข้างหน้าผมฉันก็ต้องขาวทั้งหัวอยู่แล้วนี่”

ว่าแต่มีคนมาแซะเรื่องสีผมบ้างไหม "ตรงกันข้ามนะ ฉันได้รับคำชมส่วนใหญ่ก็เรื่องผมนี่ล่ะค่ะ จากทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายพอๆ กัน เอาจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายนะ มีคนหนึ่งถึงกับขอเลยนะว่า อย่าโกรกสีผมอีกนะปล่อยไว้แบบนี้แหละ ฉันว่าผู้ชายเยอะอยู่นะที่ชอบความเป็นธรรมชาติ”

เส้นผมที่เป็นสีเงินมากขึ้นตามอายุ ไม่เพียงทำให้โนเรียรู้คุณค่าของกาลเวลาทุกขณะที่มี แต่ยังตระหนักซึ้งถึงสิ่งที่กาลเวลาได้ให้เธอมา  ทั้งลูก สามี และงานที่เธอรัก

"ฉันชอบตรงที่มันคอยเตือนฉันว่า ฉันได้ทุกอย่างที่ฉันควรมีในชีวิตครบแล้ว แม้แต่ผมขาวก็ยังได้มาแล้วด้วย”






วิคตอเรีย : ยิ่งผมขาวเยอะขึ้น คนยิ่งสนใจฉันมากขึ้น


โนเรียปล่อยให้ผมเป็นสีเกรย์เพราะเสียดายเวลา 
ขณะที่วิคตอเรีย แห่ง SilverisGoldGirl.com เสียดายค่าบำรุงอัตตาที่แพงระยับ

"วันหนึ่งหลังจากเซ็นจ่ายค่าทำผมไปหลายสตางค์  ฉันผลักประตูร้านเดินออกมาปะทะแสงแดดข้างนอก แล้วจู่ๆ ฉันก็สั่งตัวเองว่า เลิกจ่ายเงินค่าบำรุงอัตตาแบบนี้เสียทีเถอะ”

“ผู้หญิงเราถูกโปรแกรมสมองให้คิดว่า กระบวนการดึงทึ้งม้วนฟอกอบย้อมเส้นผมของเรา คือการทำให้เราสวยขึ้นสาวขึ้น ถึงแม้จะชั่วขณะหนึ่งก็คุ้มค่า”

“ฉันว่าพอแล้วล่ะ พอตัดสินใจว่าจะไม่ ฉันก็ตัดสินใจเลยค่ะ ฉันจะย้อมรอบนี้เป็นสุดท้าย ต่อไปฉันจะปล่อยผมขาวให้งอกโคนขึ้นมาสักหน่อย แล้วฉันจะตัดผมสีบรูเน็ตเก๊ๆ ครึ่งล่างทิ้ง ฉันจะเริ่มชีวิตใหม่ของฉัน”

วิคตอเรียเตรียมทั้งตัวทั้งใจ “ฉันคงแก่ชราทันใด และใครๆ คงวิพากษ์วิจารณ์กันน่าดู”  

แต่ตรงกันข้ามกับที่คิด นอกจากชีวิตไม่ถล่มทลาย ไม่มีแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดแล้ว วิคตอเรียกลับรู้สึกมั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ยิ่งผมขาวเยอะขึ้น คนก็ยิ่งสนใจฉันมากขึ้น  ไปที่ไหนก็มีคนมาทัก โดยเฉพาะผู้หญิงมักจะถามว่า นี่ฉันตั้งใจย้อมให้ขาวหรือมันขาวตามธรรมชาติ”

นี่คือแรงบันดาลใจถึงกับลงมือทำบล็อกชื่อ Silver is Golเพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงกล้าที่จะยอมรับสีผมธรรมชาติ "สีเงินสวยงามนะ  ฉันว่าสีเงินนี่ล่ะค่ะคือทองแท้" 






Source  :
http://www.allure.com/
http://nypost.com/
http://www.manrepeller.com/
http://www.silverisgoldgirl.com/
http://www.womansday.com/

Photo Source :

http://special-hairstyles.com/
http://greyisok.blogspot.com/
http://www.manrepeller.com
http://www.silverisgoldgirl.com